-การเรียนภาษาที่ดีคือเรียนแบบธรรมชาติที่ทุกคนเรียนภาษาของตัวเอง(mother tongue) คือเรียนด้วยการฟัง ฟังมากๆ ฟังแล้วเลียนเสียงที่ได้ฟังก่อน จึงจะพูดได้ถูกต้อง
-ทักษะทั้ง 4 คือ ฟัง พูด เขียน อ่าน ควรเริ่มจากการ ฟังก่อน ฟังมากๆ แล้วจึงพูดได้ หลังจากนั้นจึง เขียน และอ่าน เหตุที่คนไทย เรียนภาษาอังกฤษกันคนละหลายๆปี แต่พูด ฟัง ไม่ได้ ก็เพราะขาดทักษะในการฟัง ไม่ชอบฟัง เมื่อฟังไม่รู้เรื่อง ฟั้งไม่เข้าใจ จะพูดได้อย่างไร พูดได้ก็ออกเสียงไม่ได้ เพราะการออกเสียง(pronunciation)ที่ถูกต้อง จะได้จากการฟังเท่านั้น ไม่มีวิธีอื่น
-ผมเคยบอกเพื่อนๆ หลายครั้งว่า ความรู้ภาษาอังกฤษ แค่ ป.6 ก็พอแล้ว สำหรับการพูด ขั้นพื้นฐาน เพราะไวยากรณ์ระดับนี้ มีครบทุกกาล แล้ว ทั้งปัจจุบัน(Present tense) อดีต(Past tense) อนาคต(Future tense) เพียงแต่เพิ่มคำศัพท์(vocabulary)ให้มากขึ้น ให้ครบ มากพอกับเรื่องที่เราจะสนทนาหรือศึกษาเท่านั้น
คำถามที่ได้รับคำตอบแล้ว
ดูคำถามอื่น »เรียนภาษาอังกฤษให้เก่งต้องทำยังไง?
- คำตอบที่ดีที่สุด - เลือกโดยเพื่อนๆ ที่ช่วยกันโหวต
ทักษะในการเรียนภาษา มี 4 อย่างคือ
1.ฟัง
2.พูด
3.อ่าน
4.เขียน
การเรียนภาษาใดๆ ได้ดี เพื่อใช้ทักษะได้ครบ ทั้ง 4 ชนิดควรเรียนลำดับตามนี้ครับ คนไทยเรียนภาษาอังกฤษแล้วพูดไม่ได้ เพราะ ไม่ได้ฝึกฟังเสียงเจ้าของภาษามากเท่าที่ควร เพราะทั่วๆไปที่เห็น เริ่มเขียน A b c เลย ไม่เคยฟังเลย เมื่อฟังไม่ได้ ก็ไม่ทราบว่า แต่ละศัพท์ออกเสียงถูกต้องได้อย่างไร
อยากพูดเก่ง ก็ต้องฟังให้มาก อยากทำอะไรเก่งก็ต้องทำสิ่งนั้นให้มากพอ พยายามเริ่มจากหนังสือที่ง่ายที่สุด จะได้ไม่เบื่อที่ต้องค้นหาศัพท์มาก ทำอะไรก็ไม่พ้นความขยันหมั่นเพียรครับ
-เหตุที่ให้เน้นการฟังก่อน เพราะการเรียนภาษาแม่(ภาษาของตัวเอง)ในโลก ล้วนเริ่มจากการฟัง พ่อแม่ พี่เลี้ยงพูดให้ฟังทั้งนั้น นั่นคือการเรียนภาษาที่ถูกต้องตามธรรมชาติครับ ค่อยๆเพิ่มการเรียนรู้ศัพท์ พร้อมโครงสร้างประโยคไปเรื่อยๆ
- สังเกตการเรียนภาษาไทยของเด็ก เช่นกัน ค่อยๆ รู้คำศัพท์ แต่การรู้ศัพท์ใดๆ ควรรู้หน้าที่ของคำนั้นๆ ด้วย นอกจากดูแต่คำแปลเท่านั้น หน้าที่หมายถึง คำๆนั้น เป็น คำ noun,verb,adjective etc.
1.ฟัง
2.พูด
3.อ่าน
4.เขียน
การเรียนภาษาใดๆ ได้ดี เพื่อใช้ทักษะได้ครบ ทั้ง 4 ชนิดควรเรียนลำดับตามนี้ครับ คนไทยเรียนภาษาอังกฤษแล้วพูดไม่ได้ เพราะ ไม่ได้ฝึกฟังเสียงเจ้าของภาษามากเท่าที่ควร เพราะทั่วๆไปที่เห็น เริ่มเขียน A b c เลย ไม่เคยฟังเลย เมื่อฟังไม่ได้ ก็ไม่ทราบว่า แต่ละศัพท์ออกเสียงถูกต้องได้อย่างไร
อยากพูดเก่ง ก็ต้องฟังให้มาก อยากทำอะไรเก่งก็ต้องทำสิ่งนั้นให้มากพอ พยายามเริ่มจากหนังสือที่ง่ายที่สุด จะได้ไม่เบื่อที่ต้องค้นหาศัพท์มาก ทำอะไรก็ไม่พ้นความขยันหมั่นเพียรครับ
-เหตุที่ให้เน้นการฟังก่อน เพราะการเรียนภาษาแม่(ภาษาของตัวเอง)ในโลก ล้วนเริ่มจากการฟัง พ่อแม่ พี่เลี้ยงพูดให้ฟังทั้งนั้น นั่นคือการเรียนภาษาที่ถูกต้องตามธรรมชาติครับ ค่อยๆเพิ่มการเรียนรู้ศัพท์ พร้อมโครงสร้างประโยคไปเรื่อยๆ
- สังเกตการเรียนภาษาไทยของเด็ก เช่นกัน ค่อยๆ รู้คำศัพท์ แต่การรู้ศัพท์ใดๆ ควรรู้หน้าที่ของคำนั้นๆ ด้วย นอกจากดูแต่คำแปลเท่านั้น หน้าที่หมายถึง คำๆนั้น เป็น คำ noun,verb,adjective etc.
-คงต้องเริ่มจากหลักการก่อนว่าทำไม เราเรียนภาษาอังกฤษกันคนละหลายๆ ปี แต่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ จากประสบการณ์ การเรีมเรียนภาษาใดๆ ในโลก โดยธรรมชาติ ต้องเริ่มต้นจากการฟังก่อน คนทุกชาติ พูดภาษาของตัวเองได้ ก่อนเข้าโรงเรียนทั้งสิ้น ถามว่าทำไม จึงพูดได้ ก็เพราะก็ฟังๆๆๆ เพราะฉนั้น ทักษะการเรียนภาษา 4 ด้านคือ- ฟัง- พูด- อ่าน- เขียน ควรเรียงลำดับตามนี้
-เดี๋ยวนี้ มี ซีดี ดีวีดี มากมาย ซื้อมาหัดฟังๆๆ จนจำได้ แล้วค่อยๆ ฝึกเรียนเสียงเจ้าของภาษา โดยเริ่มจากคำศัพท์ง่ายๆ ใช้ในชีวิตประจำวันก่อน เช่น การทักทาย
-ทุกครั้งที่เรียนรู้ศัพท์ใหม่ ต้องเรี่ยนรู้ 1.การออกเสียงที่ถูกต้อง คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ตั้งแต่ 2 พยางค์ขึ้นไป จะมีตัวหนึ่งที่เน้นเสียงหนัก ดูพจนานุกรมที่ดี ส่วนตัว ชอบพจนานุกรมของ สอ เสถบุตร หรือถ้าคุณใช้ พจนานุกรมภาษาอังกฤษได้ยิ่งดี การออกเสียงจะไม่เพี้ยน
2.หน้าที่ของศัพท์นั้นๆ ว่าเป็น คำอะไร เช่น คำนาม/กริยา เป็นต้น
-ที่สำคัญมากต้องฝึกใช้ทุกวัน ยิ่งมีเพื่อนเป็นต่างชาติยิ่งเก่งเร็ว จะพูดได้มาก น้อยขึ้นอยู่ที่ว่าเรารู้คำศัพท์มากน้อยเท่าไร หัวใจของภาษาคือคำศัพท์ พร้อมทั้งการออกเสียงที่ถูกต้อง
-อักษรภาษาอังกฤษหลายตัว ที่คนไทยมัก ออกเสียงเพี้ยน เช่น ความต่างระหว่างตัว S-H,N-L,T-D,และตัว Z,SH,CH,Th,F,V etc.
-ภาษาเป็นวิชาทักษะ คือต้องฝึก จึงเรียนได้เร็ว เหมือนที่ว่า เรียนว่ายน้ำบนบกไม่เป็น หัดขี่จักรยาน แต่ไม่ลองขี ขี่ไม่ได้ ฉันใด เรียนภาษาก็ฉันนั้นครับ
-ความจริงจะแนะนำได้ดี่ต้องรู้พื้นฐานว่าจบอะไรมา
-ลองหา Traffic Jam English มาฟังดูนะครับของ Andrewbiggs เป็น CD 99 บาท แนะนำดีมาก เริ่มแต่ แผ่นที่ 1ก่อน ถ้าชอบก็ หาแผ่นต่อไปนะครับ
-เดี๋ยวนี้ มี ซีดี ดีวีดี มากมาย ซื้อมาหัดฟังๆๆ จนจำได้ แล้วค่อยๆ ฝึกเรียนเสียงเจ้าของภาษา โดยเริ่มจากคำศัพท์ง่ายๆ ใช้ในชีวิตประจำวันก่อน เช่น การทักทาย
-ทุกครั้งที่เรียนรู้ศัพท์ใหม่ ต้องเรี่ยนรู้ 1.การออกเสียงที่ถูกต้อง คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ตั้งแต่ 2 พยางค์ขึ้นไป จะมีตัวหนึ่งที่เน้นเสียงหนัก ดูพจนานุกรมที่ดี ส่วนตัว ชอบพจนานุกรมของ สอ เสถบุตร หรือถ้าคุณใช้ พจนานุกรมภาษาอังกฤษได้ยิ่งดี การออกเสียงจะไม่เพี้ยน
2.หน้าที่ของศัพท์นั้นๆ ว่าเป็น คำอะไร เช่น คำนาม/กริยา เป็นต้น
-ที่สำคัญมากต้องฝึกใช้ทุกวัน ยิ่งมีเพื่อนเป็นต่างชาติยิ่งเก่งเร็ว จะพูดได้มาก น้อยขึ้นอยู่ที่ว่าเรารู้คำศัพท์มากน้อยเท่าไร หัวใจของภาษาคือคำศัพท์ พร้อมทั้งการออกเสียงที่ถูกต้อง
-อักษรภาษาอังกฤษหลายตัว ที่คนไทยมัก ออกเสียงเพี้ยน เช่น ความต่างระหว่างตัว S-H,N-L,T-D,และตัว Z,SH,CH,Th,F,V etc.
-ภาษาเป็นวิชาทักษะ คือต้องฝึก จึงเรียนได้เร็ว เหมือนที่ว่า เรียนว่ายน้ำบนบกไม่เป็น หัดขี่จักรยาน แต่ไม่ลองขี ขี่ไม่ได้ ฉันใด เรียนภาษาก็ฉันนั้นครับ
-ความจริงจะแนะนำได้ดี่ต้องรู้พื้นฐานว่าจบอะไรมา
-ลองหา Traffic Jam English มาฟังดูนะครับของ Andrewbiggs เป็น CD 99 บาท แนะนำดีมาก เริ่มแต่ แผ่นที่ 1ก่อน ถ้าชอบก็ หาแผ่นต่อไปนะครับ