Saturday, February 26, 2011

อายุของเด็กที่เหมาะกับการเรียนภาษา 5 ขวบหนักไปไหม

-หนักไม่หรือ  ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุของเด็ก  แต่ขึ้นอยู่กับวิธีสอน  วิธีเรียนมากกว่า  ทำอย่างไรให้เด็กอยากเรียน สนุกที่จะเรียน  ความจริงการเรียนภาษาใดๆ  ควรเริ่มเร็วกว่านั้น คือ ควรเริ่มอย่างช้า  เมื่อเด็กเริ่มหัดพูด จัดสิ่งแวดล้อมอย่างไร  ให้เด็ก ได้เห็น  ได้ฟัง  ภาษาที่ต้องการให้เขาเรียน  ให้มากที่สุด  
-การเรียนภาษาที่ดีคือเรียนแบบธรรมชาติที่ทุกคนเรียนภาษาของตัวเอง(mother tongue) คือเรียนด้วยการฟัง ฟังมากๆ  ฟังแล้วเลียนเสียงที่ได้ฟังก่อน  จึงจะพูดได้ถูกต้อง
-ทักษะทั้ง 4 คือ ฟัง  พูด  เขียน  อ่าน  ควรเริ่มจากการ ฟังก่อน ฟังมากๆ แล้วจึงพูดได้  หลังจากนั้นจึง เขียน และอ่าน  เหตุที่คนไทย เรียนภาษาอังกฤษกันคนละหลายๆปี แต่พูด ฟัง ไม่ได้  ก็เพราะขาดทักษะในการฟัง  ไม่ชอบฟัง  เมื่อฟังไม่รู้เรื่อง ฟั้งไม่เข้าใจ  จะพูดได้อย่างไร  พูดได้ก็ออกเสียงไม่ได้  เพราะการออกเสียง(pronunciation)ที่ถูกต้อง จะได้จากการฟังเท่านั้น  ไม่มีวิธีอื่น
-ผมเคยบอกเพื่อนๆ  หลายครั้งว่า ความรู้ภาษาอังกฤษ แค่ ป.6 ก็พอแล้ว สำหรับการพูด ขั้นพื้นฐาน เพราะไวยากรณ์ระดับนี้ มีครบทุกกาล แล้ว ทั้งปัจจุบัน(Present tense) อดีต(Past tense) อนาคต(Future tense) เพียงแต่เพิ่มคำศัพท์(vocabulary)ให้มากขึ้น ให้ครบ มากพอกับเรื่องที่เราจะสนทนาหรือศึกษาเท่านั้น

คำถามที่ได้รับคำตอบแล้ว

ดูคำถามอื่น »

เรียนภาษาอังกฤษให้เก่งต้องทำยังไง?


คำตอบที่ดีที่สุด - เลือกโดยเพื่อนๆ ที่ช่วยกันโหวต
ทักษะในการเรียนภาษา มี 4 อย่างคือ
1.ฟัง
2.พูด
3.อ่าน
4.เขียน
การเรียนภาษาใดๆ ได้ดี เพื่อใช้ทักษะได้ครบ ทั้ง 4 ชนิดควรเรียนลำดับตามนี้ครับ คนไทยเรียนภาษาอังกฤษแล้วพูดไม่ได้ เพราะ ไม่ได้ฝึกฟังเสียงเจ้าของภาษามากเท่าที่ควร เพราะทั่วๆไปที่เห็น เริ่มเขียน A b c เลย ไม่เคยฟังเลย เมื่อฟังไม่ได้ ก็ไม่ทราบว่า แต่ละศัพท์ออกเสียงถูกต้องได้อย่างไร
อยากพูดเก่ง ก็ต้องฟังให้มาก อยากทำอะไรเก่งก็ต้องทำสิ่งนั้นให้มากพอ พยายามเริ่มจากหนังสือที่ง่ายที่สุด จะได้ไม่เบื่อที่ต้องค้นหาศัพท์มาก ทำอะไรก็ไม่พ้นความขยันหมั่นเพียรครับ
-เหตุที่ให้เน้นการฟังก่อน เพราะการเรียนภาษาแม่(ภาษาของตัวเอง)ในโลก ล้วนเริ่มจากการฟัง พ่อแม่ พี่เลี้ยงพูดให้ฟังทั้งนั้น นั่นคือการเรียนภาษาที่ถูกต้องตามธรรมชาติครับ ค่อยๆเพิ่มการเรียนรู้ศัพท์ พร้อมโครงสร้างประโยคไปเรื่อยๆ
- สังเกตการเรียนภาษาไทยของเด็ก เช่นกัน ค่อยๆ รู้คำศัพท์ แต่การรู้ศัพท์ใดๆ ควรรู้หน้าที่ของคำนั้นๆ ด้วย นอกจากดูแต่คำแปลเท่านั้น หน้าที่หมายถึง คำๆนั้น เป็น คำ noun,verb,adjective etc.
  • ทำยังไงให้กล้าพูด ทำยังไงให้พูดภาษาเป็นเร็วๆ?
    คือว่าเราอยู่ประเทศสวิสเซอร์เเลนด์มา1ปีกว่าเเล้วยังพูดภาษาไม่ได้สักที เเต่เวลาฟังฝรั่งพูดอ่ะฟังออกนะเเต่เราเเค่พูดไม่ได้ เราไม่เข้าใจตัวเองเลย เราอ่ะอาจจะพูดได้เเต่ไม่กล้าพูดเพราะกลัวว่าคนอื่นจะฟังไม่ออก ทำไงดี
    • คำตอบที่ดีที่สุด - เลือกโดยเจ้าของคำถาม
    John Wilson" IN the same way as the learner cyclist will at first be clumsy and even fall off his bicycle, so will he language learner make mistakes and fail to say what he should say." เขาบอกการฝึกพูดภาษาก็เหมือนกันฝึกขี
    รถจักรยาน อาจล้มบ้างก็ธรรมดา เหมือนฝีกพูดภาษา อาจพูดผิดบ้าง ก็ธรรมดา เหมือนการฝึกว่ายน้ำ ฝึกว่ายน้ำบนบกนานเท่าไร ก็ว่ายน้ำไม่เป็นแน่นอน เหมือนกัน อยากพูดภาษาได้ก็ต้องฝึกบ่อยๆ ความจริงคุณมี่โอกาสมากที่จะฝึก เพราะอยู่ต่างประเทศ -ผมคิดว่าคุณฝึกพูดวันละ 5-6 ประโยคก็พอ กำหนดเลยว่า พรุ่งนี้จะไปพูดกับใคร แล้วเตรียมตัวให้ดี ฝึกให้ได้ทุกๆ วัน ถ้าทำได้อย่างนี้ทุกวัน สัก 3 เดือนคุณจะก้าวหน้า มากกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาครับ
    -ทันโต เสฎโฐ มนุสเสสุ มนุษย์ที่ฝึกดีแล้ว เป็นมนุษย์ที่ประเสริฐ มนุษย์ถื่อว่าเป็นสัตว์ที่อ่อนแอที่สุด ต่างจากช้างม้าวัวควาย พอเกิดมาก็ช่วยตัวเองได้ แต่มนุษย์ ใช้เวลา 20-30 ปีกว่าจะช่วยตัวเองได้ เลี้ยงตัวเองได้ แต่ความวิเศษของมนุษย์ก็คือ มนุษย์ที่ฝึกดีแล้ว ความเจริญก้าวหน้าของโลก ทุกอย่าง แม้แต่อินเตอร์เนต ที่สามารถย่อโลกได้ ก็เกิดจากมนุษย์ที่ฝึกฝนตัวเองดีแล้วครับ หลักพระพุทธศาสนาเน้นการฝึกฝน พัฒนาตนเองมากครับ คนจะเป็นอะไรก็เพราะการฝึกทั้งสิ้น
    -อยากพูดภาษาได้เร็วต้องเริ่มด้วยการ คิดเป็นภาษาอังกฤษก่อน จะทำอะไรในชีวิตประจำวันก็คิดเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดทุกเวลา ขั้นแรกเราจะได้คำศัพท์ พอได้ศัพท์แล้วก็สร้างประโยค แล้วฝึกพูดจริงๆ ทุกๆ วัน เช่นหิวก็คิดถึง Food กระหายก็คิดถึง water จะไปทำงานก็คิดถึง office จะไปห้องน้ำก็คิดถึง toilet จะอาบน้ำก็คิดถึง bathroom เป็นต้น

    ที่มา:

-คงต้องเริ่มจากหลักการก่อนว่าทำไม เราเรียนภาษาอังกฤษกันคนละหลายๆ ปี แต่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ จากประสบการณ์ การเรีมเรียนภาษาใดๆ ในโลก โดยธรรมชาติ ต้องเริ่มต้นจากการฟังก่อน คนทุกชาติ พูดภาษาของตัวเองได้ ก่อนเข้าโรงเรียนทั้งสิ้น ถามว่าทำไม จึงพูดได้ ก็เพราะก็ฟังๆๆๆ เพราะฉนั้น ทักษะการเรียนภาษา 4 ด้านคือ- ฟัง- พูด- อ่าน- เขียน ควรเรียงลำดับตามนี้
-เดี๋ยวนี้ มี ซีดี ดีวีดี มากมาย ซื้อมาหัดฟังๆๆ จนจำได้ แล้วค่อยๆ ฝึกเรียนเสียงเจ้าของภาษา โดยเริ่มจากคำศัพท์ง่ายๆ ใช้ในชีวิตประจำวันก่อน เช่น การทักทาย
-ทุกครั้งที่เรียนรู้ศัพท์ใหม่ ต้องเรี่ยนรู้ 1.การออกเสียงที่ถูกต้อง คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ตั้งแต่ 2 พยางค์ขึ้นไป จะมีตัวหนึ่งที่เน้นเสียงหนัก ดูพจนานุกรมที่ดี ส่วนตัว ชอบพจนานุกรมของ สอ เสถบุตร หรือถ้าคุณใช้ พจนานุกรมภาษาอังกฤษได้ยิ่งดี การออกเสียงจะไม่เพี้ยน
2.หน้าที่ของศัพท์นั้นๆ ว่าเป็น คำอะไร เช่น คำนาม/กริยา เป็นต้น
-ที่สำคัญมากต้องฝึกใช้ทุกวัน ยิ่งมีเพื่อนเป็นต่างชาติยิ่งเก่งเร็ว จะพูดได้มาก น้อยขึ้นอยู่ที่ว่าเรารู้คำศัพท์มากน้อยเท่าไร หัวใจของภาษาคือคำศัพท์ พร้อมทั้งการออกเสียงที่ถูกต้อง
-อักษรภาษาอังกฤษหลายตัว ที่คนไทยมัก ออกเสียงเพี้ยน เช่น ความต่างระหว่างตัว S-H,N-L,T-D,และตัว Z,SH,CH,Th,F,V etc.
-ภาษาเป็นวิชาทักษะ คือต้องฝึก จึงเรียนได้เร็ว เหมือนที่ว่า เรียนว่ายน้ำบนบกไม่เป็น หัดขี่จักรยาน แต่ไม่ลองขี ขี่ไม่ได้ ฉันใด เรียนภาษาก็ฉันนั้นครับ
-ความจริงจะแนะนำได้ดี่ต้องรู้พื้นฐานว่าจบอะไรมา
-ลองหา Traffic Jam English มาฟังดูนะครับของ Andrewbiggs เป็น CD 99 บาท แนะนำดีมาก เริ่มแต่ แผ่นที่ 1ก่อน ถ้าชอบก็ หาแผ่นต่อไปนะครับ
  • ทุกคนรู้ว่าภาษาอังกฤษมีความสำคัญมากเพียงใด เราทุกคนส่วนมากเคย เรียนภาษาอังกฤษกันมาคนละหลายๆ ปีทั้งนั้น แต่ก็ยังใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้ อาจพออ่านพอแปลได้บ้าง แต่จะเอาให้เป็นเรื่องเป็นราว ให้สมกับเวลาที่เราเสียไปกับการเรียนภาษาอังกฤษนั้นน้อยคนจะทำได้

    หลักการเรียนภาษาทุกภาษาในโลกไม่ต่างกัน คือเริ่มด้วยการฟังก่อน ทั้งนั้น ทุกชาติทุกภาษาเริ่มเรียนภาษาของตนเองด้วยการฟัง พ่อแม่ พี่เลี้ยง สอนให้เรียกพ่อ เรียกแม่ ฯ คนทุกชาติทุกภาษาพูดภาษาของตัวเองได้ก่อนเข้าโรงเรียนทั้งนั้น ถามว่าทำไม ยังไม่ได้เรียนหนังสือเลยจึงพูดได้ เพราะทักษะในการเรียนทุกภาษาต้องเริ่มด้วย

    1. ฟัง (listen)

    2. พูด (speak)

    3. อ่าน (read)

    4. เขียน (write)

    เพราะฉนั้นคนที่เรียนภาษาอังกฤษ แล้วอยากพูดได้ ต้องหมั่นฟังให้มากๆ ปัจจุบัน เราอาจฟังจากวิทยุ ,อินเตอร์เนท ,ทีวี, ซีดี, ดีวีดี ฯ มีโอกาสมากมาย ที่จะได้ฟังสำเนียงเจ้าของภาษาจริงๆ หลายคนอาจมีประสบการณ์เหมือนกันคือคิดว่า ฟังแล้วก็ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้จะฟังไปทำไม ก่อนผมไปเรียนต่างประเทศ ครูอาจารย์ทุกๆ ท่านแนะนำเหมือนกันว่า ให้ฟังให้มากๆ ตอนนั้นมีเทป ฟัง ก็ฟังเทปมาก และก็คิดเหมือน คนอื่นๆ คือฟังก็ไม่รู้เรื่อง แล้วจะฟังไปทำไม


    ประสบการณ์จริง ตอนไปเรียนที่ Poona ใหม่ๆ ก็ฟังอาจารย์ในชั้น ไม่รู้เรี่อง ถ้าพูดสนทนากับ classmates ก็พอรู้เรื่อง แต่เข้าชั้นแล้วฟังอาจารย์สอน แล้วจดตาม ให้ได้เรื่อง นั้นยังทำไม่ได้ จำได้ว่าอาจารย์ผู้หญิง สอนวิชา Sociology อาจารย์พูดเร็วมาก ต้องพยายามฟังอยู่ ประมาณ สองเทอม จึงพอรู้เรื่อง แต่ด้วยการที่พยายามเข้าชั้นทุกชั่วโมง ไม่เคยขาด แต่พอฟังอาจารย์คนนี้ ที่พูดเร็วมากได้แล้ว ฟังอาจารย์ท่านอื่นได้หมดครับ นั่นคือคำตอบว่า ทำไมครูอาจารย์แนะนำให้ฟังมากๆ แล้วเราก็จะคุ้นเคยสำเนียง รู้คำศัพท์มากขึ้น ไปพร้อมๆ กัน
    ดูเพิ่มที่ลิงค์นะครับ